คุณอยากได้สูตรอาหารสุขภาพที่อร่อยและดีต่อร่างกายหรือไม่? ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะคำตอบคือ ทําโยเกิร์ตเองในบ้าน! การทำโยเกิร์ตเองที่บ้านเป็นกระบวนการที่ง่ายและมีความสุข และสิ่งที่คุณต้องใช้ก็มีเพียงสองอย่างเท่านั้น ในบทความนี้เราจะสอนวิธีทำโยเกิร์ตง่ายๆ ด้วยของแค่สองอย่าง คือ นมและเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบโยเกิร์ตหรือเพิ่งเริ่มต้นทำเองครั้งแรก วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างโยเกิร์ตที่เนื้อเนียนและอร่อยได้อย่างง่ายดายที่บ้านของคุณเอง มาเริ่มต้นเรียนรู้วิธีการทำโยเกิร์ตที่ง่ายดายกันเถอะ!
ทำไมต้องทำโยเกิร์ตเองที่บ้าน?
การทำโยเกิร์ตเองที่บ้านมีประโยชน์มากมายที่ทำให้คุณหลงใหลในกระบวนการนี้ นี่คือเหตุผลที่คุณควรทำโยเกิร์ตเองในบ้าน:
- ความสดชื่น: โยเกิร์ตที่ทำเองใหม่จะมีความสดชื่นและรสชาติที่อร่อยกว่าโยเกิร์ตพร้อมซื้อที่ร้านค้า คุณสามารถควบคุมความหวานและความเข้มข้นตามความชอบของคุณเองได้
- ไร้สารเคมี: โยเกิร์ตที่ทำเองไม่มีสารกันเสียหรือสารเคมีที่เพิ่มเข้าไป เนื่องจากคุณสามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้ด้วยตัวเอง
- ประหยัด: การทำโยเกิร์ตเองในบ้านจะทำให้คุณประหยัดเงินในรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อโยเกิร์ตพร้อมใช้งาน
- สร้างความรู้สึกอิสระ: การทำโยเกิร์ตเองที่บ้านช่วยให้คุณรู้สึกอิสระและมีความสุขเพราะคุณสามารถสร้างสูตรและปรับแต่งรสชาติได้ตามความชอบของคุณ
ประโยชน์ของโยเกิร์ตที่ทำเองในบ้าน
โยเกิร์ตที่ทำเองในบ้านมีประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพและร่างกายของคุณ นี่คือบางประโยชน์ที่คุณจะได้รับเมื่อทำโยเกิร์ตเอง:
- บำรุงร่างกาย: โยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนและแคลเซียมที่สำคัญสำหรับสุขภาพกระดูกและสมอง การบริโภคโยเกิร์ตที่ทำเองในบ้านช่วยบำรุงร่างกายและระบบภายในของคุณได้ในทุกๆ คู่มือ
- สุขภาพดีต่อกระเพาะอาหาร: เชื้อดีในโยเกิร์ตช่วยสร้างความสมดุลของแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ไม่ดีที่อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
- ส่งเสริมการย่อยอาหาร: เอนไซม์ที่มีอยู่ในโยเกิร์ตช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ซึ่งช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดอาการคลื่นไส้หรือท้องอืดได้
- สร้างภูมิคุ้มกัน: โยเกิร์ตที่มีเชื้อดีช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อและโรคต่างๆ
- ส่งเสริมระบบทางเดินอาหาร: โยเกิร์ตมีส่วนช่วยในการรักษาความสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีและลดอาการอักเสบในลำไส้
เลือกส่วนผสมที่เหมาะสม
การเลือกส่วนผสมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการทำโยเกิร์ตเอง นี่คือสิ่งที่คุณควรพิจารณา:
- นม: เลือกใช้นมที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ได้โยเกิร์ตที่เนื้อนุ่มและหอมอร่อย คุณสามารถใช้นมถั่วเหลืองหรือนมในการทำโยเกิร์ตได้ตามความชอบ
- เชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์: เชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นมกลายเป็นโยเกิร์ต คุณสามารถหาเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ได้จากโรงงานผลิตโยเกิร์ตหรือใช้โยเกิร์ตที่ทำไว้จากการทำโยเกิร์ตก่อนหน้านี้เป็นเชื้อสตาร์ทเตอร์ในการทำโยเกิร์ตครั้งต่อไป
ขั้นตอนที่ 1: นำนมไปทำความร้อน
ขั้นตอนแรกในการทำโยเกิร์ตเองคือการทำความร้อนกับนม ตามขั้นตอนดังนี้:
- ใส่นมลงในกระทะหรือหม้อขนาดใหญ่
- นำกระทะหรือหม้อไปวางบนเตาหรือเตาอื่นๆ ที่มีความร้อนอ่อนๆ
- ใช้ไฟอ่อนๆ ร้อนนมจนถึงอุณหภูมิประมาณ 85-90 องศาเซลเซียส ควรใช้ปริมาณความร้อนอ่อนๆเพื่อป้องกันการเกิดสรสารไกลด์หรือการเดือดของนม
- เมื่อนมเดือด ให้ปิดไฟและยกออกจากเตา ปล่อยให้นมเย็นลงประมาณ 43-46 องศาเซลเซียส นี่เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์
ขั้นตอนที่ 2: นำนมไปทำความเย็น
เมื่อนมเย็นลงแล้ว ให้ดำเนินการทำความเย็นต่อไป ดังนี้:
- ตรวจสอบอุณหภูมิของนมเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วง 43-46 องศาเซลเซียส
- หากนมยังอุ่นอยู่ ให้นำกระทะหรือหม้อที่มีนมไว้ใส่อ่างน้ำเย็น หรือใช้วิธีการใส่นมในถ้วยอบแห้งที่มีน้ำแข็งตรงกลาง โดยให้นมลอยในน้ำแข็ง แล้วคอยสังเกตอุณหภูมิจนถึงระดับที่ต้องการ
- เมื่อนมเย็นลงและมีอุณหภูมิที่ต้องการ ให้ส่องแสงเพื่อตรวจสอบว่านมไม่มีตะกอนหรือสิ่งแปลกปลอมใดๆ
ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์
เมื่อนมเตรียมพร้อมแล้ว ต่อไปคือการเพิ่มเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์เพื่อให้นมกลายเป็นโยเกิร์ต วิธีการดำเนินการคือ:
- หยอดเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ลงในนมที่เตรียมไว้ ให้ใช้ปริมาณเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ใช้ช้อนไมโครไพล์หรือไมโครไพปร์เพื่อผสมเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ให้ทั่วทั้งนม
- คอยคนเบาๆเพื่อให้เชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ทำการกระจายตัวในนมทั่วทั้งปริมาณ
- ปิดฝาของนมและห้องเก็บนมด้วยฝาหรือฟิล์มอาหาร หรือใช้ถุงอาหารปิดปากขวด
ขั้นตอนที่ 4: อนุญาตโยเกิร์ตให้กลายเป็นโยเกิร์ต
เมื่อเพิ่มเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์เข้าไปในนมแล้ว ต่อไปคือขั้นตอนการอนุญาตให้โยเกิร์ตกลายเป็นโยเกิร์ต วิธีการทำคือ:
- นำฝาหรือถุงอาหารที่ใช้ปิดนม ไปปิดปากขวดโยเกิร์ตอย่างแน่นหนา
- วางโยเกิร์ตในที่อุ่นและมืด เช่น ตู้เย็นหรือห้องที่อุณหภูมิสูง อนุญาตให้โยเกิร์ตกลายเป็นโยเกิร์ตโดยทิ้งไว้ได้ระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง
- หลังจากนั้น ตรวจสอบโยเกิร์ตว่าเติมรสชาติและเนื้อละเอียดที่ต้องการหรือไม่ หากพอใจก็สามารถยกใช้ในการบริโภคได้ทันที
ขั้นตอนที่ 5: นำโยเกิร์ตไปเก็บในตู้เย็นและทาน
เมื่อโยเกิร์ตกลายเป็นโยเกิร์ตอย่างสมบูรณ์แล้ว คุณสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นและทานตามความต้องการของคุณ ดังนี้:
- เตรียมภาชนะที่ใช้ในการเก็บโยเกิร์ต เช่น โถโยเกิร์ตหรือภาชนะกระจาด
- นำโยเกิร์ตที่เตรียมไว้ไปเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
- ปิดฝาหรือฟิล์มอาหารของภาชนะที่ใช้เก็บโยเกิร์ตให้แน่นและสนิท
- นำโยเกิร์ตไปเก็บในตู้เย็น ให้เก็บที่อุณหภูมิประมาณ 4-7 องศาเซลเซียสเพื่อรักษาความสดชื่นและคุณภาพของโยเกิร์ต
- ทานโยเกิร์ตในเวลาที่คุณต้องการ สามารถรับประทานเป็นอาหารว่างหรือผสมกับผลไม้ น้ำผลไม้หรือธัญพืชต่างๆ ตามความชอบของคุณ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. สามารถใช้นมชนิดใดก็ได้ในการทำโยเกิร์ตได้หรือไม่?
ใช่ คุณสามารถใช้นมชนิดใดก็ได้ในการทำโยเกิร์ต สามารถใช้นมวัวสด นมโครงการ นมกะทิ หรือนมถั่วเหลืองก็ได้ ควรเลือกใช้นมที่มีคุณภาพสูงและไม่มีสารเคมีเพิ่มเติม
2. ใช้เวลานานเท่าไรในการอนุญาตโยเกิร์ตกลายเป็นโยเกิร์ต?
เวลาที่ใช้ในการอนุญาตโยเกิร์ตกลายเป็นโยเกิร์ตอาจแตกต่างกันไป แต่ในทั่วไป ควรทิ้งโยเกิร์ตในที่อุ่นและมืดไว้เป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ทำงานในการกลายเป็นโยเกิร์ต
3. สามารถใช้โยเกิร์ตพร้อมขายที่ร้านค้าเป็นเชื้อสตาร์ทเตอร์ได้หรือไม่?
ไม่ควรใช้โยเกิร์ตที่ทำไว้ในการขายเป็นเชื้อสตาร์ทเตอร์ นอกจากว่าคุณมีความแน่ใจว่าโยเกิร์ตที่ทำเองมีคุณภาพสูงและปลอดภัยแล้ว ควรใช้โยเกิร์ตที่มีคุณภาพสูงจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือเพื่อการขาย
4. ถ้าเหลือเซียมซีหลังจากทำโยเกิร์ต สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง?
เซียมซีหรือเหลือจากการทำโยเกิร์ตสามารถนำไปใช้ทำเบเกอรี่ หรือเพิ่มลงในสูตรอาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ อย่างเช่น ใส่ลงในพายเพื่อเพิ่มรสชาติหรือใช้ในการทำไอศกรีม เป็นต้น
สรุป
การทำโยเกิร์ตเองในบ้านง่ายและสนุก และสามารถทำได้ด้วยเพียงสองอย่าง คือ นมและเชื้อโยเกิร์ตสตาร์ทเตอร์ โยเกิร์ตที่ทำเองมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพและร่างกายของคุณ นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งรสชาติและความหวานได้ตามความชอบของคุณ ดังนั้น ลองทำโยเกิร์ตเองในบ้านและสัมผัสประสบการณ์การสร้างอาหารสุขภาพที่อร่อยและดีต่อร่างกายกันเถอะ!