1. แกงบุ่มไบ่
ส่วนผสม:
- กะทิข้น – 2 ถ้วย
- หัวกะทิ – 2 ถ้วย
- น้ำพริกแกง – 4 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อวัว – 500 กรัม
- หอมใหญ่ – 1/2 หัว
- แตงร้าน – 1 ลูก
- ผักชี – 1 ต้น
- กระเทียม – 5 กลีบ
- ข่า – 3 ต้น
- ตะไคร้ – 3 ต้น
- กะปิ – 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยขาว – 5 เม็ด
- มะเขือพวง – 5 ลูก
วิธีทำ:
- ทำน้ำพริกแกง: โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียดโดยใช้เครื่องปั่นหรือคั่วในกระทะหรือใช้ครกหินบด จนเป็นเนื้อเหลวและมีลักษณะของน้ำพริกแกง สามารถปรับรสชาติได้ตามความชอบ พักไว้ให้เป็นเวลาสักครู่
- เคี่ยวเนื้อวัว: ล้างเนื้อวัวให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 2×2 นิ้ว จากนั้นนำไปต้มในหม้อให้เปื่อย โดยเติมน้ำจนท่วมเนื้อวัวแล้วตั้งไฟกลาง ควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไฟอ่อนๆ และควบคุมเวลาการต้มเพื่อให้เนื้อสุกนุ่ม ประมาณ 30 นาที
- ปรุงรส: นำหัวกะทิมาคั่วในกระทะที่ใช้ในการทำน้ำพริกแกง คั่วให้เดือดและแตกมัน จากนั้นใส่น้ำพริกแกงที่เตรียมไว้ลงไป ผัดให้หอมและเป็นสีแดงเล็กน้อย ใส่เนื้อวัวที่เตรียมไว้ลงไป และใส่หัวกะทิที่เหลือ และหางกะทิ ผัดให้เข้าเนื้อ และเนื้ออ่อนไหลจะตัดได้ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมะขามเปียก ลดเป็นไฟอ่อนๆ ผัดต่อจนน้ำแกงข้นเล็กน้อย ใส่หอมใหญ่ และแตงร้าน ผัดให้หอมอีกครั้ง ปิดไฟ
- เสิร์ฟ: ตักแกงบุ่มไบ่ใส่ถ้วยเสิร์ฟร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟไปพร้อมข้าวสวยหรือข้าวเส้นลูกชิ้น ให้ทุกคนเพลิดเพลินกับรสชาติที่เข้มข้นของแกงบุ่มไบ่ที่หอม香จากสมุนไพรและกลิ่นหอมของกะทิที่โดดเด่น
2. แกงรัญจวน
ส่วนผสม:
- กระดูกหมู – 300 กรัม
- เกลือสมุทร – 1 ช้อนชา
- ตะไคร้ – 3 ต้น
- หอมแดง – 5 หัว
- น้ำตาลมะพร้าว – 10 หัว
- ใบมะกรูด – 4 ใบ
- ใบโหระพา – 1/4 ถ้วย
- น้ำมะนาว – 2 ช้อนชา
- น้ำพริกกะปิ – 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนู – 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ:
- ทำน้ำซุป: ใส่กระดูกหมูลงในหม้อน้ำและเพิ่มเกลือสมุทรเล็กน้อยเพื่อให้เกิดรสเค็ม ตั้งไฟกลางและต้มกระดูกหมูจนน้ำเริ่มเดือด หมั่นช้อนฟองออกจากน้ำซุปเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก และปิดฝาหม้อเพื่อให้น้ำซุปตกเย็น
- เตรียมส่วนผสมอื่น ๆ: หลังจากน้ำซุปเย็นลงแล้ว เริ่มเตรียมส่วนผสมอื่น ๆ โดยหั่นหมูอ่อนเป็นชิ้นเล็กๆ และหั่นหอมแดงเป็นชิ้นเล็กๆ และหั่นใบมะกรูดเป็นชิ้นเล็กๆ และหั่นใบโหระพาเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นเตรียมไว้ในจานพร้อมสำหรับใช้งาน
- ปรุงรส: เมื่อน้ำซุปเริ่มเดือดใหม่ ใส่หมูอ่อนลงไปต้มในน้ำซุปจนสุก จากนั้นใส่หอมแดงลงไปต้มด้วย
- เติมเครื่องปรุง: เพิ่มน้ำมะพร้าวที่อยู่ในใบมะกรูดลงไปในน้ำซุป เพื่อให้ได้กลิ่นหอมของมะกรูดที่ออกมาในน้ำซุป หลังจากนั้นใส่ใบโหระพาเพิ่มเข้าไปในน้ำซุปและคนเบาๆ ให้ใบโหระพาเข้ากับน้ำซุป พอเนื้อหมูสุกและน้ำซุปเริ่มเข้มข้นตามต้องการ ตรวจสอบรสชาติ และปรับปรุงด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ตามความชอบ
- เสิร์ฟ: ที่เตรียมไว้ลงในถ้วยและเสิร์ฟร้อน พร้อมด้วยข้าวสวยหรือข้าวเส้น และเสิร์ฟร้อนๆ ตามความชอบของแต่ละคน เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับรสชาติเปรี้ยวหอมของแกงรัญจวนที่อร่อยอันนี้
3. แกงระแวง
ส่วนผสม:
- หมูอ่อน – 400 กรัม
- พริกขี้หนูสวน – 10 เม็ด
- แตงกวา – 1 ลูก
- มะเขือเทศ – 2 ลูก
- กะทิข้น – 2 ถ้วย
- น้ำตาล – 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา – 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก – 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ:
- เตรียมส่วนผสม: ก่อนที่จะเริ่มทำแกงระแวง คุณควรเตรียมส่วนผสมทั้งหมดก่อนเพื่อให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น หั่นหมูอ่อนเป็นชิ้นพอคำ หรือตามความชอบของคุณ และหั่นพริกขี้หนูสวนเป็นชิ้นเล็กๆ หั่นแตงกวาและมะเขือเทศเป็นชิ้นพอคำ และเตรียมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาไว้สำหรับใช้ในการปรุงรส
- ผัดเนื้อ: ใช้กระทะใส่น้ำมันพืชลงไปและตั้งไฟกลาง รอให้น้ำมันร้อน จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก และเริ่มเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลอ่อน จากนั้นใส่พริกขี้หนูสวนลงไปผัดพร้อมเนื้อหมู เพื่อให้เนื้อหมูเต็มไปด้วยรสชาติของพริกขี้หนู
- เติมเครื่องปรุง: เมื่อเนื้อหมูสุกแล้ว ใส่แตงกวาและมะเขือเทศลงไปผัดพร้อมเนื้อหมู ผัดให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำพริกแกงระแวงที่เตรียมไว้ลงไป และผัดให้เข้ากัน
- นำน้ำมะขามเปียกและน้ำปลามาปรุงรส: เมื่อแกงเริ่มเดือด ใส่น้ำมะขามเปียกและน้ำปลาเข้าไป และคนให้เข้ากัน รสชาติจะต้องมีความหวานจากน้ำมะขามเปียก ความเค็มจากน้ำปลา และเปรี้ยวจากสมุนไพรที่อยู่ในน้ำมะขามเปียก
- ตรวจสอบรสชาติและปรับปรุง: ตรวจสอบรสชาติของแกงระแวงว่าเปรี้ยว-หวาน-เค็ม-เผ็ดเป็นอย่างไร และปรับปรุงรสชาติตามความชอบของคุณ หากต้องการเพิ่มความเผ็ด สามารถเติมพริกขี้หนูสวนสีเขียวและแดงหรือพริกแห้งบดลงไปได้
- เสิร์ฟ: นำแกงระแวงที่เราได้ทำไว้ตักใส่ถ้วย และเสิร์ฟร้อนๆ พร้อมกับข้าวสวยหรือข้าวเส้นลูกชิ้น และคนให้ทุกคนเพลิดเพลินกับรสชาติเด็ดของแกงระแวงที่หอม香และเข้มข้นที่ได้ไปสำหรับการทำเมนูอาหารไทยแบบโบราณนี้
4. แกงนางลอย
ส่วนผสม:
- ปลาสลิด – 300 กรัม
- ใบกระชาย – 1 ต้น
- พริกขี้หนูสวน – 5 เม็ด
- หน่อไม้ – 1 ลูก
- น้ำมะขามเปียก – 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา – 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ – 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ:
- เตรียมส่วนผสม: เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมโดยการหั่นหมูอ่อนเป็นชิ้นเล็กๆ และหั่นพริกขี้หนูสวนเป็นชิ้นเล็กๆ ต่อมาให้หั่นแตงกวาและมะเขือเทศเป็นชิ้นพอคำ และเตรียมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาไว้สำหรับใช้ในการปรุงรส
- ผัดเนื้อ: ในกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปและตั้งไฟกลาง รอให้น้ำมันร้อน จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก และเริ่มเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลอ่อน จากนั้นใส่พริกขี้หนูสวนลงไปผัดพร้อมเนื้อหมู เพื่อให้เนื้อหมูเต็มไปด้วยรสชาติของพริกขี้หนู
- เติมเครื่องปรุง: เมื่อเนื้อหมูสุกแล้ว ใส่แตงกวาและมะเขือเทศลงไปผัดพร้อมเนื้อหมู ผัดให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำพริกแกงนางลอยที่เตรียมไว้ลงไป และผัดให้เข้ากัน
- นำน้ำมะขามเปียกและน้ำปลามาปรุงรส: เมื่อแกงเริ่มเดือด ใส่น้ำมะขามเปียกและน้ำปลาเข้าไป และคนให้เข้ากัน รสชาติจะต้องมีความหวานจากน้ำมะขามเปียก ความเค็มจากน้ำปลา และเปรี้ยวจากสมุนไพรที่อยู่ในน้ำมะขามเปียก
- ตรวจสอบรสชาติและปรับปรุง: ตรวจสอบรสชาติของแกงนางลอยว่าเปรี้ยว-หวาน-เค็ม-เผ็ดเป็นอย่างไร และปรับปรุงรสชาติตามความชอบของคุณ หากต้องการเพิ่มความเผ็ด สามารถเติมพริกขี้หนูสวนสีเขียวและแดงหรือพริกแห้งบดลงไปได้
- เสิร์ฟ: นำแกงนางลอยที่เราได้ทำไว้ตักใส่ถ้วย และเสิร์ฟร้อนๆ พร้อมกับข้าวสวยหรือข้าวเส้นลูกชิ้น และคนให้ทุกคนเพลิดเพลินกับรสชาติเด็ดของแกงนางลอยที่หอม香และเข้มข้นที่ได้ไปสำหรับการทำเมนูอาหารไทยแบบโบราณนี้
5. แกงนพเก้า
ส่วนผสม:
- เนื้อหมู – 400 กรัม
- ใบมะกรูด – 10 ใบ
- ตะไคร้ – 5 ต้น
- ขิง – 50 กรัม
- น้ำมันพืช – 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ – 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา – 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ:
- เตรียมส่วนผสม: เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมโดยการหั่นหมูอ่อนเป็นชิ้นเล็กๆ และหั่นพริกขี้หนูสวนเป็นชิ้นเล็กๆ ต่อมาให้หั่นแตงกวาและมะเขือเทศเป็นชิ้นพอคำ และเตรียมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาไว้สำหรับใช้ในการปรุงรส
- ผัดเนื้อ: ในกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปและตั้งไฟกลาง รอให้น้ำมันร้อน จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก และเริ่มเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลอ่อน จากนั้นใส่พริกขี้หนูสวนลงไปผัดพร้อมเนื้อหมู เพื่อให้เนื้อหมูเต็มไปด้วยรสชาติของพริกขี้หนู
- เติมเครื่องปรุง: เมื่อเนื้อหมูสุกแล้ว ใส่แตงกวาและมะเขือเทศลงไปผัดพร้อมเนื้อหมู ผัดให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำพริกแกงนพเก้าที่เตรียมไว้ลงไป และผัดให้เข้ากัน
- นำน้ำมะขามเปียกและน้ำปลามาปรุงรส: เมื่อแกงเริ่มเดือด ใส่น้ำมะขามเปียกและน้ำปลาเข้าไป และคนให้เข้ากัน รสชาติจะต้องมีความหวานจากน้ำมะขามเปียก ความเค็มจากน้ำปลา และเปรี้ยวจากสมุนไพรที่อยู่ในน้ำมะขามเปียก
- ตรวจสอบรสชาติและปรับปรุง: ตรวจสอบรสชาติของแกงนพเก้าว่าเปรี้ยว-หวาน-เค็ม-เผ็ดเป็นอย่างไร และปรับปรุงรสชาติตามความชอบของคุณ หากต้องการเพิ่มความเผ็ด สามารถเติมพริกขี้หนูสวนสีเขียวและแดงหรือพริกแห้งบดลงไปได้
- เสิร์ฟ: นำแกงนพเก้าที่เราได้ทำไว้ตักใส่ถ้วย และเสิร์ฟร้อนๆ พร้อมกับข้าวสวยหรือข้าวเส้นลูกชิ้น และคนให้ทุกคนเพลิดเพลินกับรสชาติเด็ดของแกงนพเก้าที่หอม香และเข้มข้นที่ได้ไปสำหรับการทำเมนูอาหารไทยแบบโบราณนี